6 วิธีเขียนบทความ SEO อย่างไรให้ติดอันดับบน Google ได้เร็วขึ้น
6 วิธีเขียนบทความ SEO อย่างไรให้ติดอันดับบน Google ได้เร็วขึ้น
สำหรับเว็บไซต์ธุรกิจแล้ว การทำให้หน้าเว็บติดอันดับแรกๆ บนผลการค้นหา เป็นสิ่งที่เจ้าของแบรนด์ต้องการเป็นเรื่องแรกๆ และปัจจัยหลักที่ช่วยดันหน้าเว็บจนลูกค้าคนเจอ คงหนีไม่พ้น บทความ SEO ดีๆ สักชิ้น
เลือกเรื่องที่คุณต้องการหาข้อมูลแบบย่อๆ ได้ที่นี่
- กูเกิ้ลหาบทความ SEO ขึ้นอันดับอย่างไร
- ทำความรู้จัก บทความ SEO คืออะไร
- ปัจจัยของบทความ SEO ที่ส่งผลต่อการจัดอันดับบนกูเกิ้ล
- 6 วิธีเขียนบทความ SEO อย่างไรให้ติดอันดับบน Google ได้เร็วขึ้น
- 1. ค้นหาคีย์เวิร์ดให้ถูกต้อง
- 2. เข้าใจสิ่งที่คนต้องการค้นหา (Search Intent)
- 3. วางโครงร่างบทความ SEO
- 4. เขียนบทความ SEO
- 5. ตั้งค่าด้านเทคนิค SEO ให้ถูกต้อง
- 6. ทำลิงก์เชื่อมโยงภายใน (Interlinking)
กูเกิ้ลหาบทความ SEO ขึ้นอันดับอย่างไร
Goolgle เป็นเว็บไซต์เสิร์ชเอนจิ้นที่มีหน้าหลักในหารเฟ้นหาข้อมูลดีๆ ที่เป็นประโยชน์มาเสิร์ฟคนอ่านทุกคน ในทุกๆวันจะมีบทความ SEO ใหม่ๆ เผยแพร่ลงบนเว็บไซต์กว่า 1,000 ชิ้นงาน ทำให้ Google ต้องคอยมองหาและประเมินโพสต์คุณภาพอยู่เสมอ เพื่อคัดเลือกให้อยู่บน Ranking ที่น่าสนใจและตรงใจคนอ่านอย่างแท้จริง
ถ้าคุณลองดู Database ของกูเกิ้ลอย่างละเอียด จะเจอว่า บทความ SEO ที่ติดอันดับเยอะๆ บนกูเกิ้ล ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากยอด View ที่สูงและคนคลิกเข้าไปอ่านจำนวนมาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า การจ้างทำ SEO ใช้เวลานาน 3 - 6 เดือนเลย กว่าจะเห็นผลลัพธ์ อีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญของเว็บไซต์เปิดใหม่ ถ้าอยากให้กูเกิ้ลดันอันดับให้อยู่บนๆไวขึ้น แนะนำให้ลองเริ่มต้นทำ SEO บนเว็บและลงบทความ SEO อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน อาจจะไม่ต้องลงบทความที่ยาวมาก แต่ลงสม่ำเสมอกันในแต่ละเดือน จะช่วยให้กูเกิ้ลเข้าใจว่า หน้าเว็บไซต์แอคทีฟและลงบทความสดใหม่อยู่เสมอ
โดยปกติแล้วคนจะคลิกอ่านบทความ SEO แค่ 5 อันดับแรกเท่านั้น หากคนคลิกกดดูเว็บอันดับ 2 มากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะมีผลต่อเว็บอันดับ 1 เดิมในตกลงมาได้เช่นกัน ดังนั้น สำคัญที่สุด คือการทำบทความ SEO ที่ตอบคำถามคนอ่านและสอดแทรกคีย์เวิรด์สำคัญ รวมถึงเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อคนอ่านจริงๆ ลงไปในนั้น
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราถึงต้องเรียนรู้หลักการเขียนบทความ SEO ก่อนเป็นเรื่องแรก ควรเขียนบทความ SEO อย่างให้กูเกิ้ลชอบและอยากดันหน้าเว็บนั้นเอง
ทำความรู้จัก บทความ SEO คืออะไร
การเขียนคอนเทนต์แบบ SEO คือการเขียนให้เสิร์ชเอนจินเข้าใจได้ง่าย ว่าเนื้อหาของคุณพูดถึงเรื่องอะไร การเขียนบล็อกโดยใช้เทคนิค SEO หรือที่เรียกว่า Editorial SEO จะช่วยให้เว็บของคุณติดอันดับใน Google และมีคนกดเข้ามาอ่านแบบออร์แกนิคมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ Google ใช้ตัดสินใจว่าจะจัดอันดับคอนเทนต์ของคุณอีกด้วย มาดูกัน
ปัจจัยของบทความ SEO ที่ส่งผลต่อการจัดอันดับบนกูเกิ้ล
- Search Intent: เขียนให้ตรงกับสิ่งที่คนค้นหาจริง ๆ
- Domain Authority: ความน่าเชื่อถือโดยรวมของเว็บไซต์
- Topical Authority: ความเชี่ยวชาญในหัวข้อที่เขียน
- Competition Level: คู่แข่ง มีคนเขียนเรื่องเดียวกันเยอะไหม
- Backlinks: ลิงก์จากเว็บไซต์อื่นที่เชื่อมมาหาบทความของคุณ
- Interlinking: การใส่ลิงก์เชื่อมโยงไปยังหน้าหรือบทความอื่น ๆ ในเว็บไซต์ของคุณเอง
- On-page SEO: วิธีจัดโครงสร้างและเขียนบทความให้เหมาะกับ SEO
- User Experience: ทั้งคุณภาพของเนื้อหาและประสบการณ์อ่านที่ราบรื่น
6 วิธีเขียนบทความ SEO อย่างไรให้ติดอันดับบน Google ได้เร็วขึ้น
- เรียนรู้ทริคเขียนบทความ SEO คุณภาพไปพร้อมกัน นี่คือ 6 วิธีที่คุณควรรู้ไว้ตั้งแต่เริ่มต้น
- ค้นหาคีย์เวิร์ดให้ถูกต้อง
- เข้าใจสิ่งที่คนต้องการค้นหา (Search Intent)
- วางโครงร่างบทความ SEO
- เขียนบทความ SEO
- ตั้งค่าด้านเทคนิค SEO ให้ถูกต้อง
ทำลิงก์เชื่อมโยงภายใน (Interlinking)
มาดูวิธีการเขียนบทความ SEO กันตามด้างล่างนี้เลย
1. ค้นหาคีย์เวิร์ดให้ถูกต้อง
สิ่งแรกของการทำบทความ SEO คือการค้นหาคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม ซึ่งกว่าจะคัดเลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงใจกับลูกค้าจริงได้ เว็บไซต์ธุรกิจส่วนใหญ่มักเลือกใช้ เครื่องมือ SEO Tool ในการค้นหา เช่น Google Keyword Planner , Ahrefs , Ubersuggest , Surfer SEO เป็นต้น
คำแนะนำในการคัดเลือกคีย์เวิร์ด SEO ให้คุณลองวิเคราะห์จากเว็บไซต์คู่แข่ง ว่าใช้คำไหนบ้างและสกรีนคีย์เวิร์ด้เป้าหมายมาใช้อีกขั้น ทั้งนี้การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับเว็บไซต์ธุรกิจแต่ละแบบ
2. เข้าใจสิ่งที่คนต้องการค้นหา (Search Intent)
Search Intent คือสิ่งสำคัญที่คุณต้องทำให้ถูกต้อง เพราะถ้าพลาดไป บทความของคุณก็แทบไม่มีโอกาสขึ้นหน้าแรกของ Google เลย ถ้าคุณลองค้นหาคู่มือเกี่ยวกับ Search Intent จะเจอคำอธิบายยาว ๆ เช่น บทความแบบ Transactional , Commercial, Informational อะไรพวกนี้ แต่จริง ๆ แล้วไม่ต้องทำให้ซับซ้อนขนาดนั้น
คล้ายกับตอนทำ Keyword Research สิ่งที่ต้องทำก็แค่ สังเกต ว่า Google ชอบจัดอันดับเนื้อหาแบบไหนสำหรับคีย์เวิร์ดนั้น ๆ จากนั้นก็เขียนคอนเทนต์ที่ดีกว่า แต่ยังคงตอบโจทย์เหมือนที่ Google แสดงอยู่บนหน้าแรก เท่านี้เองคือหัวใจของ SEO
3. วางโครงร่างบทความ SEO
การวางโครงร่างบทความ SEO ให้มีหัวข้อใหญ่และหัวข้อย่อย จะช่วยให้กูเกิ้ลเข้ามา Index เว็บไซต์ได้ง่ายขึ้นและเนื้อหาส่วนนี้อาจถูกจัดเป็น Snippets ได้ง่ายขึ้น สำหรับรูปแบบของการวางโครงร่างบทความ SEO ควรจัดวางลักษณะแบบนี้
- [H1] ชื่อเรื่องหลัก
- [H2] คำถามหรือประเด็นเกี่ยวกับหัวข้อ
- [H2] ชื่อเรื่องที่เป็นอีกมุมของหัวข้อหลัก
- [H3] รายการข้อย่อยที่ 1
- [H3] รายการข้อย่อยที่ 2
- [H3] รายการข้อย่อยที่ 3
- [H2] สรุปบทความ SEO
การจัดโครงสร้างบทความแบบ List Post แบบนี้ ยังช่วยให้คุณมีโอกาสปรากฏใน Featured Snippets บนกูเกิ้ลได้รวดเร็วขึ้น
4. เขียนบทความ SEO
เมื่อได้โครงร่างเนื้อหาและคีย์เวิร์ดสำหรับเขียนบทความ SEO เรียบร้อยแล้ว
ต่อมาเป็นการนำคีย์เวิร์ดเหล่านี้มาสอดแทรกในเนื้อหาคอนเทนต์อย่างเป็นธรรมชาติ การใส่ คีย์เวิร์ด ไม่ได้หมายความว่า จะใส่คำเยอะๆ จำนวนมากไว้ก่อน เพราะนี่อาจทำให้กูเกิ้ลเข้าใจว่าเว็บไซต์เป็นสแปมได้ การวางกลยุทธ์เนื้อหาที่ถูกต้องควรจัดวางคีย์เวิร์ดให้เหมาะสม โดยคำนึงจากหน้าเว็บเพจคู่แข่งนำมาเทียบกัน
5. ตั้งค่าด้านเทคนิค SEO ให้ถูกต้อง
นอกเหนือจากการเขียนบทความ SEO คุณภาพแล้ว การปรับแต่งเนื้อหาบนเว็บ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการเข้าเว็บไซต์ มีส่วนช่วยผลักดันคะแนน SEO เช่นกัน ลองใช้เทคนิคเล็กๆ ตามนี้ สามารถช่วยให้กูเกิ้ลเข้าใจเนื้อหาบทความ SEO ของคุณได้ดีขึ้น
- ไฟล์ภาพควรเป็น JPG และไม่เกิน 100kb
- ALT Text สำหรับรูปภาพ เพื่อให้คนที่ใช้เครื่องมืออ่านหน้าเว็บ (เช่น คนสายตาไม่ดี) เข้าใจว่าภาพคืออะไร
- ใช้ชื่อ URLs ที่เข้าใจง่ายและตรงกับหัวข้อบทความ
- วางโค้ด Schema ลงในหน้าบล็อก
- แก้ไขเรื่อง Page Speed ให้โหลดไวขึ้นในทุกแพลตฟอร์มที่เข้าชม
6. ทำลิงก์เชื่อมโยงภายใน (Interlinking)
ก่อนที่จะเผยแพร่บทความให้ อย่าลืมใส่ ลิงก์ภายใน (Internal Links / Interlinking) ด้วยนะ ลิงก์ภายใน คือการเชื่อมโยงไปยังหน้าหรือบทความอื่น ๆ ในเว็บไซต์ของคุณ ประโยชน์ของการทำ Internal Link
- เมื่อคุณเผยแพร่บทความใหม่ ให้ย้อนกลับไปดูบทความเก่า ๆ ของคุณ และใส่ลิงก์ไปยังบทความใหม่นั้น (ใช้ Anchor Text ที่เกี่ยวข้อง) ในจุดที่เหมาะสม
- บทความหรือหน้าเว็บที่เกี่ยวข้อง 25 หน้า
- ทุกหน้าของเว็บไซต์ควรถูกลิงก์จากหน้าอื่น ๆ ในเว็บไซต์ด้วย
- ในโลก SEO หน้าที่ไม่มีลิงก์ชี้มาที่เรียกว่า Orphan Pages แต่คำนี้ฟังดูแรงไปหน่อย ถือเป็นหน้าเว็บที่โดดเดี่ยว
- เราแค่ต้องแน่ใจว่าบทความทุกบทความมีลิงก์เชื่อมจากที่อื่น ๆ ในเว็บไซต์ เพื่อไม่ให้ถูกปล่อยให้อยู่โดดเดี่ยว
ดังนั้น แม้ตอนเขียนบทความใหม่ๆ อย่าลืมใส่ลิงก์ไปยังบทความเก่า สิ่งนี้จะช่วยให้ Google เข้าใจว่าเว็บไซต์ของคุณมี ความเชี่ยวชาญในหัวข้อนั้น ๆ มากขึ้น
การเขียนบทความ SEO ยังมีเทคนิคอีกมากมาย เฉพาะเจาะจงในแต่ละธุรกิจไม่เหมือนกันและเป็นเพียงหนึ่งในเทคนิคการทำ SEO สำหรับเว็บไซต์เท่านั้น หากคุณกำลังมองบริการรับเขียนบทความ SEO จ้างทำบทความ SEO โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ รับคำปรึกษา ฟรี! จากเราได้ที่นี่